ทัศนศึกษาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประจำปีการศึกษา 2561

หลักสูตรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดกิจกรรมทัศนศึกษาขึ้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 21-23 ตุลาคม 2561 เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน สำหรับนักศึกษาในหลักสูตรฯ ที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชา มัคคุเทศก์ทางประวัติศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพและสร้างเสริมประสบการณ์ตรงให้กับนักศึกษาในการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโบราณสถานและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และส่งเสริมให้นักศึกษาได้สัมผัสกับพื้นที่จริงเพื่อเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ในอนาคต


รายงานโดย คุณาสิน ลุณพุฒ

วันแรกออกเดินทางเวลา 06:00 น. ระหว่างการเดินทางนักศึกษาได้เริ่มปฏิบัติงานจริง เวลา 13.00 น.หลักจากแวะเติมพลังกับมื้อเที่ยงก็ไปสถานที่แรกคือ พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา เป็นสถานที่ที่รวบรวมโบราณวัตถุจากวัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ รวมถึงศิลปะจากสมัยอยุธยาและสมัยต่างๆในไทยโดยมีวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถ มาบรรยายถึงที่มาของโบราณวัตถุ รูปแบบศิลปะ และความเชื่อ ซึ่งช่วยเพิ่มเติมองค์ความรู้เกี่ยวกับศิลปะสมัยอยุธยาแก่นักศึกษา ซึ่งนักศึกษาได้รับความอนุเคราะห์จากทางพิพิธภัณฑ์ 


ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา
จากนั้นไปที่ วัดมเหยงคณ์ วัดสำหรับฝ่ายใน สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีฉนวนฝ่ายในหรือทางเดินสำหรับฝ่ายในปรากฎอยู่ ปัจจุบันเหลือเพียงที่เดียวในประเทศไทย ใครอยากทราบว่าทางเดินสำหรับสตรีชั้นสูงในสมัยอยุธยาเป็นอย่างไรต้องมาที่วัดนี้เท่านั้นค่ะ ด้านในยังมีเจดีย์ช้างล้อมที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าท้ายสระ หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 สร้างตามแบบสุโขทัย และมีเพียงแห่งเดียวในกรุงเก่าแห่งนี้ 

สถานที่ถัดมาคือ ตลาดน้ำอโยธยา เป็นร้านขายของที่มีห้องแถวเป็นไม้ริมน้ำ มีสะพานข้ามฟากเป็นบรรยากาศย้อนยุค ในตลาดมีทั้งของกินและเสื้อผ้าให้เลือกจับจ่ายได้ตามสะดวก นอกจากนี้ยังมีการแสดงโดยนำเนื้อเรื่องจากประวัติศาสตร์ไทยมาแสดงสู่สายตาผู้ชมด้วยค่ะ ซึ่งเรียกความสนใจและเพิ่มเสน่ห์ให้กับตลาดแห่งนี้อย่างมากเลยทีเดียว

และสถานที่สุดท้ายของวันนี้คือ Ayutthaya Night Market ตลาดกลางคืนที่ให้ความรู้สึกแบบถนนคนเดินแต่เป็นถนนคนเดินย้อนยุค เพราะบรรดาพ่อค้า แม่ขายล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าย้อนยุค นุ่งสไบผ้าโจงกระเบนที่มีสีสันสวยงามประหนึ่งมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยาเลยก็ว่าได้ค่ะ 

ตลาดน้ำกรุงเก่า
วันที่สองเป็นการไปเยือนโบราณสถานอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก่อนที่จะไปเรียนรู้สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ นักศึกษาได้มีโอกาสล่องเรือชมทัศนียภาพและวิถีชีวิตของผู้คนทั้งด้านในและนอกเกาะอยุธยา จากนั้นจึงเดินทางไปสถานที่แรก คือ วิหารพระมงคลบพิตร ต่อด้วยวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดหลวงที่สร้างขึ้นในพื้นที่พระบรมราชวัง เป็นต้นแบบแก่วัดพระศรีรัตนศาสดารามของกรุงรัตนโกสินทร์ และเยื้องไปทางด้านทิศเหนือจะเป็นสถานที่ที่เป็นจุดศูนย์กลางของกรุงศรีอยุธยา คือ พระราชวังโบราณ นั่นเองค่ะ 


วัดพระศรีสรรเพชญ์
ภายหลังเที่ยวชมในวัดและพระราชวังโบราณอย่างเต็มอิ่ม จึงแวะเติมพลังด้วยก๋วยเตี๋ยวเรือ อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วนโปรแกรมในช่วงบ่าย เริ่มต้นจากวัดมหาธาตุ วัดที่เคยเป็นที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นอีกวัดหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เพราะมีจุดเด่นที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกนั่นก็คือ เศียรพระพุทธรูปที่ถูกรากไม้หุ้มเหลือเพียงใบหน้า เป็นจุดที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ 


ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่วิหารพระมงคลบพิตร
วัดถัดมา คือ วัดราชบูรณะ ที่ครั้งหนึ่งเคยโดนปล้นโดยพวกมารศาสนาที่หวังจะขโมยสมบัติของชาติ ซึ่งตำรวจได้ตามกลับคืนมาได้จำนวนหนึ่งและต่อมาจึงได้นำมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา แต่ยังเข้าไปชมได้ไม่ทันไรฝนก็ตกลงมาเสียก่อน เราจึงกลับไปหลบฝนที่โรงแรมหลังจากหลบฝนแล้วจึงไปต่อกันที่วัดไชยวัฒนาราม ด้วยสภาพอากาศไม่เป็นใจเราจึงไม่ได้เห็นภาพของวัดไชยวัฒนารามตอนพระอาทิตย์ตก แต่กระนั้นภาพของวัดไชยวัฒนารามที่ต้องกับแสงนีออนก็งดงามไม่แพ้กัน ตกค่ำพวกเราได้แวะรับประทานมื้อเย็นที่ร้านมองดูเรือแล้วจึงกลับไปพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม 

วัดใหญ่ชัยมงคล
วันสุดท้าย หลังจากเที่ยวชมโบราณสถานแล้ว วันนี้เป็นการไปวัดที่ยังมีการใช้งานอยู่(มีพระจำพรรษาอยู่) เริ่มจาก วัดใหญ่ชัยมงคล วัดที่มีความสำคัญมาแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีเจดีย์ทรงระฆังองค์ใหญ่เชื่อกันว่าหากใครอยากที่จะประสบความสำเร็จ ให้มากราบไหว้บูชาและขอพรที่นี่เลยค่ะ 



หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง 
สถานที่ต่อมาคือ วัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นวัดที่พุทธศาสนิกชนมากหน้าหลายตาต่างมากราบไหว้ขอพร เพราะความศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อโต พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เชื่อกันว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมากซึ่งก็เป็นที่ศรัทธาของผู้คนเช่นกันค่ะ 

จากนั้นไปกันต่อที่ พระราชวังบางปะอิน ภายในมีพระตำหนักต่างๆที่สร้างไว้เป็นที่ประทับของฝ่ายในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสะท้อนการรับเอาศิลปะแบบตะวันตกมาอย่างชัดเจน และสถานที่สุดท้าย คือ วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร เป็นวัดที่มองดูเผินๆอาจจะคิดว่าเป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ แต่ความจริงเป็นวัดพุทธที่สร้างโดยใช้ศิลปะแบบโกธิคที่งดงามตามแบบตะวันตก

ข้ามกระเช้าไปที่วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร 
สถานที่สำคัญภายในประราชวังบางปะอิน
ตลอดระยะเวลา 3 วัน ในการทัศนศึกษาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาครั้งนี้ นักศึกษาได้ทดลองปฏิบัติหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ ทั้งการจัดการนักท่องเที่ยว ฝึกการนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวจากสถานที่จริง จากการที่ได้ลองมือปฏิบัติทำให้นักศึกษาได้รับทั้งประสบการณ์และความรู้เพิ่มเติม ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อตัวนักศึกษาในการทำงานในอนาคต 

นอกจากนี้การลงไปสำรวจจากพื้นที่จริง ทั้งโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยว ทำให้นักศึกษาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนผ่านประสบการณ์จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากห้องเรียน และการเดินทางในครั้งนี้ได้พิสูจน์ให้นักศึกษาเห็นแล้วว่า ความงดงามที่บรรยายในหน้ากระดาษหรือการบันทึกโดยภาพถ่ายนั้น เทียบไม่ได้กับการได้มาสัมผัสด้วยตาของตัวเองค่ะ

No comments:

Post a Comment