ภาพโดย อาจารย์ ดร.จิราธร ชาติศิริ และ นฤมล ศิริมา
โดยวันแรกได้เดินทางออกจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นในเช้ามืดของวันที่ 12 และเดินทางถึงจังหวัดกาญจนบุรีในช่วงบ่าย จากนั้นได้เข้าพักที่แพริมน้ำ Green House River Kwai Resort เป็นเวลาหนึ่งคืน โดยมีกิจกรรมระหว่างที่พัก คือการเล่นแพเปียกอย่างสนุกสนาน โดยอยู่ภายใต้การดูแลจากทางรีสอร์ทและอาจารย์ที่ปรึกษา
ภาพที่หนึ่ง : ภาพโดย อาจารย์ ดร.จิราธร ชาติศิริ
วันที่สอง ได้ออกเดินทางไปพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำช่องเขาขาด (Hellfire Pass) สถานที่ท่องเที่ยวที่มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายไทย-พม่า (ทางรถไฟสายมรณะ) ที่ตลอดการเดินทางเท้า ได้รับชมมุมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดทาง และได้พบร่องรอยของการก่อสร้างทางรถไฟที่เกิดจากการตัดเจาะภูเขาหินด้วยมือของเชลยศึกชาวออสเตรียและอังกฤษ พร้อมทั้งมีเครื่องบรรยาย สามารถรับได้ที่อาคารพิพิธภัณฑ์ที่จะบรรยายจุดต่าง ๆ ด้วยระบบเสียง 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาดัตช์และภาษาไทย ที่ทำให้ได้รู้ถึงประวัติความเป็นมาและความโหดร้ายของสงครามในยุคนั้น จากนั้นได้เดินทางไปเข้าพักที่โรงแรม Eurotel Hotel
ภาพที่สอง : เส้นทางระหว่างการเดินสำรวจร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ณ ช่องเขาขาด
ภาพโดย นางสาวนฤมล ศิริมา
เช้าวันที่สาม (วันที่ 14 พฤศจิกายน) ได้ออกเดินทางไปศึกษาประวัติศาสตร์ที่อุทยานเมืองสิงห์ ร่องรอยของอารยธรรมเขมรที่มาไกลถึงภาคตะวันตกของไทย เป็นโบราณสถานที่สร้างขึ้นกว่า 800 ปีที่แล้ว ต่อด้วยชมความสวยงามของถ้ำธรรมชาติอันสวยงามของถ้ำพุหว้าที่ทางเข้าถ้ำทำเป็นศิลปะแบบขอมประยุกต์ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงามตามธรรมชาติ ถัดไปด้วยสุสานทหารดอนรัก หรืออีกชื่อที่รู้จักคือ “ป่าช้าอังกฤษ” เป็นสุสานขนาดใหญ่บนพื้นที่ 17 ไร่ บรรจุศพเชลยศึกที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะถึง 6,982 หลุม ต่อมาวัดถาวรวรารามหรือวัดญวน เป็นศิลปะแบบจีนผสมกับญวน เป็นวัดพุทธศาสนาฝ่ายอนัมนิกาย ลัทธิมหายาน ภายในเป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อโต” จากนั้นต่อด้วยการเยี่ยมชมหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการจัดแสดงหลักฐานเกี่ยวกับการสร้างทางรถไฟในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังมีการจัดแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและพม่าด้วย
ภาพที่สาม : ภาพถ่ายของนักศึกษาที่เข้าร่วมทริปในครั้งนี้ ณ อุทยานเมืองสิงห์
ภาพโดย อาจารย์ ดร.จิราธร ชาติศิริ
ตกเย็นได้เดินทางไปเที่ยวชมบรรยากาศเมืองกาญจนบุรี ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุด Unseen Thailand คือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่มีรถไฟผ่านสะพานเวลา 16:30 น. ซึ่งตรงกับเวลาที่กลุ่มของทริปเราอยู่ตรงจุดสะพานพอดี
ภาพที่สี่ : ภาพบรรยากาศการรับฟังข้อมูลประวัติของสะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่บรรยายโดยนักศึกษาสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา เอกวิชาประวัติศาสตร์การท่องเที่ยว ภาพโดย นางสาวนฤมล ศิริมา
จากนั้นได้ไปแวะชมประตูเมืองเก่าของจังหวัดกาญจนบุรี ก่อนจะไปเดินถนนคนเดินปากแพรกเพื่อเลือกซื้อของและรับประทานอาหารในยามเย็นข้างแนวกำแพงเมืองเก่าแก่ของกาญจนบุรี
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมาจนถึงวันที่สี่ของทริป “Go Together ไปด้วยกาญ”
เช้าวันที่ 15 พฤศจิกายน ทางคณะนักศึกษาและอาจารย์ได้ออกเดินทางจากที่พักแต่เช้าเพื่อไปวัดถ้ำเสือ ที่มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ประดิษฐาน พร้อมด้วยเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาทที่มีความสูงใหญ่เด่นและอลังการอยู่บนเนินเขา
ภาพที่ห้า : ภาพถ่าย ณ ยอดพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท วัดถ้ำเสือ
ภาพโดย นางสาวนฤมล ศิริมา
ทั้งนี้ ตลอดการเดินทาง 4 วัน 3 คืน ของทริป “Go Together ไปด้วยกาญ” ได้สร้างความประทับใจและมิตรภาพความทรงจำที่ดี และยังได้รับความรู้ในเรื่องของประวัติศาสตร์ ได้ชื่นชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามในประเทศไทย และนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการได้ฝึกปฎิบัติในการเป็นผู้บรรยาย นำเที่ยว หรือเป็นมัคคุเทศก์ในสถานที่จริงด้วย นับเป็นโครงการฝึกปฏิบัติการท่องเที่ยวที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงนอกตำราที่น่าประทับใจอีกครั้งหนึ่ง ต้องขอขอบคุณสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาที่ได้ส่งเสริมให้มีกิจกรรมดีๆ ในครั้งนี้
No comments:
Post a Comment