หลักสูตรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา (Southeast Asian Studies): สำรวจศึกษาแหล่งท่องเที่ยวตามประวัติศาสตร์ไทย ณ จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ประจำปีการศึกษา 2564

หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ดำเนินโครงการสำรวจศึกษาแหล่งท่องเที่ยวตามประวัติศาสตร์ไทย ประจำปีการศึกษา 2564 ขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2565 ณ จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ มีนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ของหลักสูตร จำนวน 14 คน นักศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาลุ่มน้ำโขง จำนวน 2 คน และอาจารย์ 1 ท่าน เข้าร่วมโครงการ

รายงานโดย ศิริลักษณ์ ช่วยเงิน

วัตถุประสงค์ของกิจกรรมในครั้งนี้ ก็เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและประสบการณ์ของนักศึกษา ในการสำรวจ ศึกษาจากสถานที่จริงในแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ไทย และฝึกฝนการทำงานเป็นมัคคุเทศก์ นอกจากนี้ยังสามารถผลิตคลิปเชิงประวัติศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยว สามารถวางแผนการทำงาน และทำงานเป็นกลุ่มร่วมกันได้ พร้อมทั้งมีความรับผิดชอบ และความตรงต่อเวลา

ทางหลักสูตรได้พานักศึกษาเข้าสำรวจ ศึกษาเส้นทางสายปราสาทและโบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่ แหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท ปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินพนมวัน จังหวัดนครราชสีมา ปราสาทหินเขาพนมรุ้ง ปราสาทหนองบัวราย ปราสาทบ้านบุ ปราสาทหินเมืองต่ำ แหล่งหินตัดบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ กลุ่มปราสาทตาเมือน (ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้าชมจากวิทยากร และสำนักศิลปากร รวมทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัยและการต้อนรับอย่างดีจากพี่ทหารกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ที่ประจำอยู่บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย

ด้วยความร่วมมือทั้งกายและใจของนักศึกษาและอาจารย์ ทำให้โครงการประสบความสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี การลงพื้นที่สำรวจ ศึกษาเส้นทางสายปราสาทและโบราณสถานที่สำคัญในครั้งนี้ ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันยาวนานของอาณาจักรเขมร ความเจริญรุ่งเรือง ลัทธิความเชื่อ ศิลปะในรูปแบบต่าง ๆ รวมไปถึงจุดประสงค์ของกษัตริย์ในการก่อสร้างศาสนสถานบนเส้นทางราชมรรคา และวิธีการก่อสร้างของผู้คนในอดีต เริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบผังปราสาท การตัดหิน การเคลื่อนย้ายหิน การแกะสลักขึ้นเป็นรูปภาพต่าง ๆ ตามคติความเชื่อของกษัตริย์เขมรในแต่ละยุคสมัย ตลอดนักศึกษาได้รับความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับศาสนสถานต่าง ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างเหลือเชื่อ ผ่านศาสนสถานที่ยังคงปรากฏร่องรอยอยู่ในประเทศไทย และบริเวณตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา การเรียนรู้ในครั้งนี้ด้วยการสำรวจสถานที่จริงถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่นักศึกษาได้รับและเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าแก่นักศึกษา ซึ่งสามารถนำความรู้ไปต่อยอดและประยุกต์ใช้ในการเรียนรายวิชาต่าง ๆ ของหลักสูตร หรือแม้กระทั่งในการทำงานในอนาคตต่อไป