โครงการ SEAS Tour 2 : ไหว้พระชมเมืองเรียนรู้เรื่องศิลปวัฒนธรรมอีสาน ปีที่ 2

“การเรียน สอนให้คนมีงานทำ กิจกรรม สอนให้คนทำงานเป็น”     หลายคนคงเห็นด้วยกับประโยคนี้ เพราะมันจะไม่มีประโยชน์อะไรหากเราเต็มเปี่ยมไปด้วยองค์ความรู้ แน่นทฤษฎี แต่กลับไม่สามารถประยุกต์ใช้หรือปรับใช้ความรู้ในทางปฏิบัติได้เลย เฉกเช่นเดียวกับวานรที่มีแก้วอยู่ในมือ ด้วยเหตุนี้หลักสูตรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงสนับสนุนให้นักศึกษาจัดกิจกรรม SEAS Tour 2 : ไหว้พระชมเมืองเรียนรู้เรื่องศิลปวัฒนธรรมอีสาน ปีที่ 2 ขึ้นในวันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2562 ซึ่งเป็นทริประยะสั้น ที่รุ่นพี่นำน้องไปไหว้พระชมเมือง และเรียนรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น ได้แก่ ศาลหลักเมือง วัดพระธาตุหนองแวง วัดไชยศรี และวัดป่าธรรมอุทยาน  

รายงานโดย คุณาสิน ลุนพุฒ

กิจกรรมดังกล่าวเป็นโอกาสที่ดี ที่ช่วยให้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เอกประวัติศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยว ทั้ง 15 คน ได้นำความรู้ที่เก็บเกี่ยวสั่งสมไว้มาประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติ เริ่มจากการออกแบบทัวร์ การสืบค้นข้อมูล การพากย์ทัวร์ ทั้งนี้ยังเป็นการฝึกทักษะการประสานงาน การวางแผนและการทำงานเป็นทีมอีกด้วย ส่วนลูกทัวร์ก็ให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 จำนวน 16 คน มีส่วนร่วมในบทบาทดังกล่าว นอกจากนี้ยังเสริมทัพด้วยรุ่นพี่ชั้นปี 2 ชั้นปีที่ 3 และชั้นปีที่ 4 เอกสารสนเทศ อีก 6 คน รวม 37 คน เรียกได้ว่าเป็นเหมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะนอกจากนักศึกษาจะได้ประสบการณ์การทำงานในสถานที่จริงแล้ว ยังเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักศึกษาในหลักสูตรอีกด้วย

"เด็ก SEAS ทำไมต้องไปวัด?"

นับตั้งแต่ศาสนาต่างๆ ได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก องค์ความรู้และความเชื่อเหล่านี้ก็ได้เข้าไปมีอิทธิพลและเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสังคมมนุษย์เรื่อยมา ศาสนาและสังคมจึงเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ผู้คนในแต่ละท้องถิ่นจึงมีการบรรจุองค์ความรู้ วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของตน ด้วยการรังสรรค์ชิ้นงานในศาสนสถานของท้องที่ เช่นเดียวกับสังคมชาวพุทธแบบบ้านเรา แม้วัดจะเป็นศาสนสถานที่พบได้ทั่วไปตั้งแต่หมู่ขนาดเล็กไปจนถึงเมืองขนาดใหญ่ มีการจัดวางองค์ประกอบที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่วัดในแต่ละพื้นที่ล้วนมีเอกลักษณ์ของสังคมปรากฎรวมอยู่ด้วย ซึ่งถูกนำเสนอผ่านงานพุทธศิลป์ ดั้งนั้น การไปวัดครั้งนี้จึงทำให้ได้เรียนรู้ภูมิปัญญาที่คนท้องถิ่นสั่งสมกันมาแต่นานนม นอกเหนือจากการสืบทอดพระพุทธศาสนาและธรรมเนียมปฏิบัติอันดีงามพื้นเมือง พวกเราเลือกไปวัดก็เพื่อชื่นชมวัฒนธรรมนั่นเองครับ ซึ่งวัดและศาสนสถานที่สำคัญของเมืองขอนแก่นที่เราเลือกสรร มีดังนี้



ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น

หากมองเผินๆ ศาสนสถานประจำเมืองแห่งนี้ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกตา เพราะเป็นอาคารจตุรมุขมีทางเข้าออกสี่ด้าน ผนังสีขาวและหลังคาสีเทาแลดูสบายตา ถือเป็นสถาปัตยกรรมแบบที่พบเห็นได้ทั่วไปในวัดหรือที่อื่นๆ แต่พอไล่สายตาขึ้นสูงอีกสักหน่อย จะพบว่าบริเวณยอดของอาคารเป็นเจดีย์บัวเหลี่ยม รูปทรงคล้ายกับพระธาตุขามแก่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองขอนแก่น ศาลหลักเมืองแห่งนี้จึงบ่งชี้ถึงความเป็นขอนแก่นอย่างเด่นชัด ด้านในประดิษฐานเสมาหินทรายสมัยทวารวดี มีร่องรอยของการลงรักปิดทองเป็นลวดลายไทย ถัดมาด้านข้างมีศาลเจ้าแบบจีนตั้งอยู่บนพื้นที่เดียวกัน มีเสาหินให้สักการะและปิดทองตามความศรัทธา หากมากราบไหว้ก็มีกระถางปักธูปและที่จุดไฟไว้บริการอย่างเสร็จสรรพ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ในส่วนของเทพเจ้าในศาสนาฮินดูที่ตั้งอยู่ในอีกมุมหนึ่งด้วย การให้มีพื้นที่ประดิษฐานความเชื่อที่หลากหลายไว้ในบริเวณใกล้เคียงกัน ได้อย่างลงตัว ทำให้ศาลหลักเมืองแห่งนี้เป็นดั่งศูนย์รวมจิตใจของชนทุกชาติพันธุ์ในขอนแก่น ทั้งเชื้อสายจีนจากแดนไกลและชนชาติไทที่อยู่มาแต่เดิม



วัดพระธาตุหนองแวงพระอารามหลวง อ.เมือง จ.ขอนแก่น


วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งของเจดีย์ 9 ชั้น แลนมาร์คที่สวยสง่าต้องใจ สะกดตาผู้มาเยือนของจังหวัดขอนแก่น แต่ละชั้นของเจดีย์ได้มีการจัดวางศาสนวัตถุและเครื่องใช้แบบอีสาน พร้อมทั้งสอดแทรกนิทาน ความเชื่อ และคติต่างๆ ไว้ในงานจิตรกรรม ซึ่งส่วนที่สำคัญคือ ชั้น 1 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนอุรังธาตุ และชั้น 9 ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานบุษบกที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ยังสามารถชมทัศนียภาพที่งดงามของจังหวัดขอนแก่นและบึงแก่นนครได้จากชั้นดังกล่าว ศาสนสถานแห่งนี้เกิดจากการผสมผสานของศิลปะหลากยุคต่างสมัย ทั้งกลิ่นอายของสมัยทวารวดีโบราณและความเรียบงามแบบไทอีสานโดยเฉพาะรูปทรงคล้ายจอมแห ซึ่งอารยธรรมทั้งสองล้วนงอกงามในบริเวณที่ราบสูงแห่งนี้ ดังนั้นเจดีย์องค์นี้จึงเป็นความงามที่สะท้อนความเป็นอีสานอย่างแท้จริง 



วัดไชยศรี บ้านสาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น


วัดโบราณอายุกว่าร้อยปี ความโดดเด่นของศาสนสถานแห่งนี้คือการบรรจุความเป็นอีสานขนานแท้ โดยเฉพาะ สิมอีสาน (โบสถ์) ผนังด้านนอกถูกแต่งเติมด้วยฮูปแต้ม (ภาพวาด) สีครามงดงามเรียบง่าย ซึ่งวาดโดยฝีมือ นายทอง ทิพย์ชา ช่างฝีบ้านนา ชาวอำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม ฮูปแต้มเหล่านี้บอกเล่าถึงนรกอเวจีทั้ง 8 ขุมจากวรรณกรรมลาวเรื่องสังข์สินไซย ด้านในอาคารประดิษฐานพระพุทธรูปแบบล้านช้างเป็นองค์ประธาน รูปเคารพแปลกตาที่เรียบงามและถ่ายทอดพุทธลักษณะอย่างซื่อตรง แม้อุโบสถแห่งนี้จะมีขนาดเล็กแต่ด้านในกลับไม่ได้คับแคบอย่างที่คิด ด้านข้างมีเสมาหินแสดงถึงการเป็นเขตสังฆกรรม แม้ไม่ได้ยิ่งใหญ่โอ่อ่างามตาน่าพิสมัย แต่เสน่ห์ที่ต้องใจของวัดเล็กๆ แห่งนี้คืองานพุทธศิลป์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังศรัทธาจากท้องถิ่น



วัดป่าธรรมอุทยาน หรือ วัดป่าหลวงพ่อกล้วย อ.เมือง จ.ขอนแก่น

สถานปฏิบัติธรรมที่พร้อมต้อนรับผู้มีใจฝักใฝ่ธรรมะและต้องการมาเจริญสติ วิปัสนากรรมฐาน บนพื้นที่ที่สงบร่มเย็นเต็มไปด้วยแมกไม้และสิ่งก่อสร้างที่กลมกลืน วัดแห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 70 ไร่ถูกปกคลุมด้วยมวลพฤกษานานาพันธุ์เกือบทั่วทั้งบริเวณ ด้านในประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างทางศาสนา ทั้งพระพุทธรูปปางต่างๆ และรูปเคารพในศาสนาฮินดูให้ได้กราบไหว้และเรียนรู้เรื่องราวทางศาสนา ซึ่งมีให้สักการะตลอดเส้นทางในผืนป่าของวัดนี้  หากต้องการทำทานก็สามารถให้อาหารปลาได้ที่ศาลาริมน้ำ  หรือจะเดินข้ามสะพานเพื่อไปชมมหาเจดีย์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างก็ตามแต่สะดวก การมาเยือนวัดนี้ จึงได้ทั้งความร่มรื่นจากร่มเงาของแมกไม้ ความอิ่มเอมใจจากการทำทานและได้กราบไหว้รูปเคารพตามความศรัทธาอีกด้วย

"มัคคุเทศก์มือใหม่ ผู้ใฝ่หาความชำนาญงาน"

สำหรับนักศึกษาเอกประวัติศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยว การเป็นมัคคุเทศก์เป็นทักษะหนึ่งที่ต้องฝึกเพื่อให้ชำนาญงาน เพราะรายวิชาส่วนใหญ่ล้วนต้องใช้ทักษะการพากษ์ทัวร์ มีตั้งแต่การฝึกโดยใช้พื้นที่ด้านหน้าของห้องเรียนและภาพที่ฉายจากโปรเจคเตอร์เป็นฉากหลัง และฝึกในสถานที่ท่องเที่ยวจริง เพราะแทบทุกครั้งที่ลงพื้นที่ การนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวเป็นภารกิจหลักที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ อีกทั้งยังได้มีโอกาสเรียนรู้การบรรยายและการพากย์ทัวร์จากมัคคุเทศก์มืออาชีพในพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย 


ดังนั้นตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาจึงเป็นการบ่มเพาะทักษะการเป็นมัคคุเทศก์ในตัวมากพอสมควร ซึ่งแน่นอนว่าในทริปนี้ นักศึกษาชั้นปีที่สี่ต้องนำทักษะเหล่านี้มาใช้ในกิจกรรม เพราะได้รับมอบหมายให้ทำหน้าเป็นวิทยากรคอยบรรยายในสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละจุด โดยมัคคุเทศก์ทุกกลุ่มต้องสืบค้น เรียบเรียง และนำเสนอข้อมูล รวมทั้งคัดสรรกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับสถานที่ เพื่อจรรโลงลูกทัวร์ขณะที่ชื่มชมแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว กิจกรรมนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการฝึกทักษะการเป็นมัคคุเทศก์เสมือนจริง บนพื้นที่ และมีลูกทัวร์จริง เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดในการทำงานจริงในอนาคต เพราะเราเชื่อว่า แม้จะยังเป็นเพียงมัคคุเทศก์มือใหม่ หากไม่หยุดใฝ่หาความชำนาญงาน การเป็นมัคคุเทศก์ผู้เชี่ยวชาญคงไม่ยากที่จะเข้าถึงสักวัน

"สรวลเสเฮฮา หรรษาตลอดทาง"

การเดินทางไม่ว่าไกลหรือใกล้ หากตลอดเส้นทางบรรยากาศเงียบเหงา ต่างคนต่างอยู่ สายตาแต่ละคู่เอาแต่เพ่งไปที่จอสี่เหลี่ยมที่บรรจุโลกเสมือนเอาไว้ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ร่วมทริปเลยแม้แต่น้อย คงเป็นการเดินทางที่สุดแสนจะน่าเบื่อ ระยะทางเพียงคืบคงยาวนานเหมือนถูกยืดออกไปเป็นศอกเป็นวา เวลาหนึ่งวันคงนานเหมือนหนึ่งเดือน ในทางกลับกัน หากการเดินนั้นหรรษาตั้งแต่ย่างก้าวแรก มีกิจกรรมให้ทำร่วมกันอย่างสนุกสนาน ระยะทางใกล้ๆ ก็อาจทำให้ระทับใจจนไม่อยากให้มันสิ้นสุดลง

ตลอดการเดินทางของ SEAS Tour ทีมงานสันทนาการเฉพาะกิจ จึงเลือกสรรเกมสุดสร้างสรรค์มาสร้างสัมพันธ์และจรรโลงลูกทัวร์ตลอดการเดินทาง ทั้ง เกมถุงใบใหญ่ เกมละลายพฤติกรรมเพื่อให้ผู้ร่วมทริปกล้าพูดคุยกันอย่างไม่เขินอาย เกมผลไม้นรก เกมที่ต้องใช้ไหวพริบและสะกิดความไวในการค้นคลังศัพท์ในสมอง เกมบ้าใบ้และเกมวาดภาพใบ้คำ เกมประเภททีมที่ผู้เล่นต้องผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ในการสื่อสาร เกมคุณรักฉันไหม เกมที่ทดสอบความว่องของไหวพริบและความไวของฝีเท้า และเกมกะหล่ำปลีเกมสันทนาการที่เล่นรวมกันอย่างสนุกสนานด้วยการส่งบทลงโทษไปมา เมื่อเกมสันทนาการจุใจขนาดนี้ ผู้ร่วมทางจึงได้พบกับความสนุกสนานเปรมปรีดิ์ตลอดการเดินทาง

"เด็ก SEAS กลับจากวัด"

SEAS (อ่านว่า ซีส) คือตัวย่อของหลักสูตรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ฉะนั้นหากจะเรียกนักศึกษาในหลักสูตรว่าเด็ก SEAS ก็น่าจะเป็นที่เข้าใจตรงกัน  ด้วยความที่หลักสูตรฯ นี้เห็นความสำคัญของการรังสรรค์กิจกรรมดีๆ นักศึกษาจึงมีพื้นที่ในการรวมตัวกันเพื่อแบ่งปันความรู้ ความคิด สร้างความสนิทสนมกลมเกลียวผ่านกิจกรรม โครงการ SEAS Tour 2: ไหว้พระชมเมืองเรียนรู้เรื่องศิลปวัฒนธรรมอีสาน 2 ทริประยะสั้น ที่นักศึกษาออกแบบและดำเนินการร่วมกันด้วยความตั้งใจและบรรจงนี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากหลักสูตรฯ 

หลังจากที่กิจกรรมดำเนินมาจนถึงเวลาเย็นย่ำ รถโดยสารที่เคลื่อนที่มาตลอดทั้งวัน ได้พาล้อของมันมาหยุดหมุนที่ถนนภายในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่ากิจกรรมนี้ได้สิ้นสุดแล้ว แต่ข้าพเจ้าเชื่อเหลือเกินว่า แม้เวลาจะผ่านพ้น ความทรงจำและประสบการณ์จากการเดินทางครั้งนี้ คงเป็นของฝากชั้นดีที่ทุกคนได้ติดกระเป๋าก่อนกลับบ้านอย่างแน่นอน

การเดินทางในครั้งนี้จะไม่สามารถออกสตาร์ทได้เลยหากไม่มีหลักสูตรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา หลักสูตรที่มุ่งเน้นกิจกรรมพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนอย่างเต็มที่ในทุกด้าน และโดยเฉพาะอาจารย์ ดร. เวียงคำ ชวนอุดม และอาจารย์ ดร.จิราธร ชาติศิริ ที่ปรึกษาโครงการที่คอยช่วยเหลือและให้คำชี้แนะจนโครงการ SEAS Tour 2 : ไหว้พระชมเมืองเรียนรู้เรื่องศิลปวัฒนธรรมอีสาน ปีที่ 2 สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และกิจกรรมดีๆ เช่นนี้คงจะสืบเนื่องต่อไปทุกๆปี จากรุ่นสู่รุ่น พี่ๆ ก็ขอส่งไม้ต่อให้น้องๆได้สืบสานกันต่อไป......จนกว่าจะพบกันใหม่อีกครั้งในปีถัดไป



















No comments:

Post a Comment