ทัศนศึกษาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดลพบุรี ประจำปีการศึกษา 2562

หลักสูตรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดกิจกรรมทัศนศึกษาขึ้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดลพบุรี ระหว่างวันที่ 12 - 14 ตุลาคม 2562 เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพและสร้างเสริมประสบการณ์ตรงให้กับนักศึกษาในการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโบราณสถานและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดลพบุรี รวมถึงส่งเสริมให้นักศึกษาได้สัมผัสกับพื้นที่จริงเพื่อเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ในอนาคต ซึ่งการจัดกิจกรรมทัศนศึกษาในครั้งนี้ ได้จัดให้กับนักศึกษาชั้นปีที่ 3 เอกประวัติศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชา มัคคุเทศก์ทางประวัติศาสตร์  จำนวน 25 คน อีกทั้ง ยังมีนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ที่ร่วมเดินทางด้วย จำนวน 3 คน นักศึกษาต่างชาติชาวญี่ปุ่น จำนวน 2 คน และอาจารย์ จำนวน 2 ท่าน รวมการเดินทางครั้งนี้ มีผู้ร่วมเดินทางทั้งสิ้น 32 คน  


สำหรับวันแรก ลูกทัวร์ทุกท่านออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นเวลา 06:00 น. เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในระหว่างทาง น้อง ๆ ชั้นปีที่ 3 ได้เริ่มทำหน้าที่มัคคุเทศก์ นั่นคือเริ่มต้นด้วยการกล่าวเปิดทัวร์ และเล่นกิจกรรมสันทนาการ ซึ่งถือว่าน้อง ๆ ทำได้ดี หลังจากผ่านพ้นช่วงเที่ยงไปแล้ว จึงมุ่งหน้าไปยังสถานที่แรกคือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมโบราณวัตถุจากวัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ รวมถึงศิลปะจากสมัยอยุธยาและสมัยต่าง ๆ ในไทยโดยมีวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถ มาบรรยายถึงที่มาของโบราณวัตถุ รูปแบบศิลปะ และความเชื่อ ถือเป็นการดีที่จะช่วยเพิ่มเติมองค์ความรู้เกี่ยวกับศิลปะสมัยอยุธยาแก่นักศึกษา





จากนั้นเดินทางไปที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ถือเป็นวัดที่พุทธศาสนิกชนมากหน้าหลายตาต่างมากราบไหว้ขอพร เพราะความศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อโต พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เชื่อกันว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมากซึ่งก็เป็นที่ศรัทธาของผู้คนเช่นกัน 


หลวงพ่อโตที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร


สถานที่ถัดมาคือ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดที่มีความสำคัญมาแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีเจดีย์ทรงระฆังองค์ใหญ่เชื่อกันว่าหากใครอยากที่จะประสบความสำเร็จ ให้มากราบไหว้บูชาและขอพรที่นี่เลย


วัดใหญ่ชัยมงคล
และสถานที่สุดท้ายของวันนี้คือ Ayutthaya Night Market ตลาดกลางคืนที่ให้ความรู้สึกแบบถนนคนเดินแต่เป็นถนนคนเดินย้อนยุค เพราะการตกแต่งซุ้มร้านค้า การประดับไฟ ของตกแต่งต่าง ๆ เช่น กระบอกปืนใหญ่ตรงทางเข้าตลาด การมีบริการนั่งพายเรือในคลอง การมีการแสดงละครสั้นในเชิงประวัติศาสตร์มาให้ได้ชม อีกทั้งบรรดาพ่อค้า แม่ขายล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าย้อนยุค นุ่งสไบผ้าโจงกระเบนที่มีสีสันสวยงามประหนึ่งมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยา ทำให้มีความรู้สึกเหมือนย้อนยุคจริง ๆ  เลยก็ว่าได้ค่ะ ส่วนอาหารนั้นก็มีหลากหลาย อาทิ กุ้งเผา หมูโสร่ง (อาหารยอดนิยมจากละครเรื่องบุพเพสันนิวาส) ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา เป็นต้น หลังจากที่ลูกทัวร์ทุกท่านได้อิ่มหนำสำราญกับอาหารสด สะอาด ถูกหลักอนามัยที่ตลาดแห่งนี้แล้ว จึงเตรียมตัวออกเดินทางกลับที่พัก เพื่อเก็บแรงสำหรับการเดินทางวันที่ 2 ต่อไป


ตลาดน้ำกรุงเก่า



เช้าวันที่ 2 ของวันที่ 13 ตุลาคม 2562 ลูกทัวร์ทุกท่านได้มีโอกาสล่องเรือถึงชมวิถีชีวิตของผู้คนในจังหวัดอยุธยา เห็นการขนส่งสินค้าทางน้ำอย่างไม่ขาดสาย รวมถึงยังได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ทางประวัติศาสตร์ อย่างเช่น วัดไชยวัฒนาราม วัดพนัญเชิงวรวิหาร ป้อมเพชร มัสยิดอิสลามวัฒนา วัดนักบุญยอแซฟ ศาลเจ้าจีน ซึ่งสถานที่ดังกล่าวนี้ ชี้ให้เห็นว่าในสมัยก่อน คนอยุธยามีอิสระในการนับถือศาสนา และยังถือเป็นเมืองศูนย์รวมของผู้คนหลากเชื้อชาติในอดีตอย่างแท้จริง 



มัสยิดอิสลามวัฒนา

ภาพถ่ายวัดไชยวัฒนารามยามนั่งบนเรือ



หลังจากที่ล่องเรือเสร็จแล้ว ลูกทัวร์จึงมุ่งหน้าไปยัง วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดหลวงที่สร้างขึ้นในพื้นที่พระบรมราชวัง เป็นต้นแบบแก่วัดพระศรีรัตนศาสดารามของกรุงรัตนโกสินทร์ และเยื้องไปทางด้านทิศเหนือจะเป็นสถานที่ที่เป็นจุดศูนย์กลางของกรุงศรีอยุธยา คือ พระราชวังโบราณ นั่นเอง 


วัดพระศรีสรรเพชญ์

ภายหลังเที่ยวชมในวัดและพระราชวังโบราณอย่างเต็มอิ่มแล้ว ลูกทัวร์จึงมุ่งหน้าเดินทางไปยัง วัดมหาธาตุ วัดที่เคยเป็นที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นอีกวัดหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างล้นหลามไม่เพียงแค่นักท่องเที่ยวไทยเท่านั้น เพราะมีจุดเด่นที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกนั่นก็คือ เศียรพระพุทธรูป ที่ถูกรากไม้หุ้มเหลือเพียงพระพักตร์ เป็นจุดที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ หลังจากเสร็จสิ้นที่วัดมหาธาตุแล้ว ลูกทัวร์จึงเดินกันไปที่ วัดราชบูรณะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดมหาธาตุมากนัก วัดนี้ ครั้งหนึ่งเคยโดนปล้นโดยพวกมารศาสนาที่หวังจะขโมยสมบัติของชาติ ซึ่งตำรวจได้ตามกลับคืนมาได้จำนวนหนึ่งและต่อมาจึงได้นำมาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา


วัดมหาธาตุ

วัดมหาธาตุ
เศียรพระพุทธรูปที่วัดมหาธาตุ
รูปจาก มหัศจรรย์ unseen
วัดราชบูรณะ

วัดราชบูรณะ

วัดราชบูรณะ

ต่อมาในช่วงราว 16 นาฬิกาเศษ ลูกทัวร์ได้เดินทางต่อเพื่อไปยัง วัดไชยวัฒนาราม วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลาย สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นบนที่ที่เป็นบ้านเดิมของพระองค์เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา แต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวกโดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด 

ในช่วงหลังปี 2561 มานี้ วัดไชยวัฒนารามได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากกระแส "ออเจ้า" จากละครบุพเพสันนิวาส ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติจะแต่งกายด้วยชุดไทยมายืนถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันที่วัดแห่งนี้ สำหรับปีนี้ ฝนไม่ตกเหมือนปีที่แล้ว ทำให้ลูกทัวร์ได้เดินชมวัดกันอย่างหนำใจและเก็บภาพทุกซอกทุกมุม จนเวลาล่วงเลยถึง 18.00 นาฬิกา ลูกทัวร์ทุกท่านก็ไม่รีรอที่จะเก็บภาพพระอาทิตย์ตกดิน นับว่าเป็นภาพแห่งความทรงจำที่น่าประทับใจเป็นอยางยิ่ง จากนั้น ตกค่ำลูกทัวร์จึงเดินทางกลับโรงแรมอโยธยาริเวอร์ไซต์เพื่อรับประทานอาหารมื้อเย็นก่อนที่จะกลับห้องพักเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย

พระอาทิตย์ตกดินที่วัดไชยวัฒนาราม


ยามค่ำที่วัดไชยวัฒนาราม

วันสุดท้าย ลูกทัวร์ได้ออกเดินทางไปยังเมืองละโว้หรือจังหวัดลพบุรีในปัจจุบันเพื่อชมความงามของ พระปรางค์สามยอด พระปรางค์แห่งนี้ มีลักษณะเป็นปราสาทขอม ตามแบบศิลปะบายน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยมีโครงสร้างของปราสาททำจากศิลาแลงฉาบปูน เรียงต่อกัน 3 องค์ จึงเรียกว่าพระปรางค์ 3 ยอด 


ขอบคุณรูปภาพจาก พระปรางค์สามยอด

สำหรับที่สุดท้ายก่อนเดินทางกลับมหาวิทยาลัยขอนแก่น คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินี้ เป็นพระราชวังโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีความสำคัญและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมแสดงถึงความรุ่งเรืองสูงสุดสมัยหนึ่งของเมืองลพบุรี ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พื้นที่ภายในพระราชวังแบ่งออกเป็น 3 เขต คือ เขตพระราชฐานชั้นนอก เขตพระราชฐานชั้นกลาง และเขตพระราชฐานชั้นใน มีพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ อาทิ ตึกพระเจ้าเหา โรงช้างหลวง พระที่นั่งจันทรพิศาล พระที่นั่งสุธาสวรรค์ เป็นต้น หลังจากที่ชมความงามของ 
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เสร็จสิ้นแล้ว ลูกทัวร์ทุกท่านจึงเดินทางกลับมหาวิทยาลัยขอนแก่นโดยสวัสดิภาพ 




ตลอดระยะเวลา 3 วัน ในการทัศนศึกษาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดลพบุรีครั้งนี้ นักศึกษาทุกคนได้มีโอกาสทดลองปฏิบัติหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์อย่างสมบูรณ์ อาทิ การกล่าวเปิด-ปิดทัวร์ การจัดกิจกรรมสันทนาการแก่ลูกทัวร์ การแพ็คกระเป๋า การจัดการนักท่องเที่ยว รวมถึงได้นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์จากสถานที่จริง กล่าวได้เลยว่าการทัศนศึกษาครั้งนี้ นักศึกษาจะได้รับทั้งประสบการณ์และความรู้เพิ่มเติมที่หาไม่ได้ในห้องเรียน ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อตัวนักศึกษาในการทำงานในอนาคตอย่างแน่นอน…และก่อนที่จะจบท้ายของการเขียนบล็อกในวันนี้ขอเสนอคำว่า ม้าเร็วยังแพ้ลา เพราะลาไปก่อน…สวัสดีค่ะ 











No comments:

Post a Comment